วันอังคารที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2553

คาบที่ 7 M-commerce 21/12/10

M commerce (Mobile commerce)
  การทำธุุรกรรมซื้อขายสินค้าหรือบริการผ่านอุปกรณ์ไร้สาย เช่น มือถือ PDAs และอุปกรณ์ต่างๆ ปัจจุบันอุปกรณ์เหล่านี้มีการพัฒนามากขึ้นเพื่อการใช้งานที่สะดวกขึ้น

Value added attributes that drive development of M-commerce
  1.Ubiquity เข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา
  2.Convenience สะดวก เชื่อมต่ออินเตอเนตได้ง่าย
  3.Instant connectivity เชื่อมต่ออินเตอเนตได้ทันที ไม่ต้องรอเปิดเครื่องเหมือน PC
  4.Personalization
  5.Localization of products and service

Drivers of mobile computing and M-commerce
   1.Widespread availability of mobile device ประชากรโลกกว่าครึ่งใช้มือถือ
  2.No need for a PC เนื่องจาก PC ไม่สะดวกในการพกพาและมือถือยังเชื่อมต่ออินเตอเนตได้ง่าย จึงไม่จำเป็นต้องใช้ PC
  3.Handset culture มีแนวโน้มใช้มือถือทำธุรกรรมต่างๆมากขึ้น
  4.Declining prices,increase functionality ราคาลดลง ฟังก์ชันเพิ่มขึ้น
  5.Improvement of bandwidth เช่น 3G
  6.Centro chip ชิปในมือถือพัฒนาขึ้น เชื่อมต่อกับ Wireless lan กินไฟน้อย ปลอดภัยมากขึ้น
  7.Available of internet access in automobile
  8.Network

The Mobile workforce
  M-commerce ทำให้แนวโน้มการแข่งขันธุรกิจมือถือ เน้นสร้างรายได้จากการขายข้อมูลและการโหลดสื่อบันเทิง แทนการสร้างรายได้จากค่าโทร 

ตัวอย่างการทำธุรกรรมผ่านมือถือ
  - Mobile shopping
  - Mobile Banking ธุรกรรมทางการเงินผ่านมือถือ เช่น เช็ค โอน
  - Information based service
  - Location based service เช่น Foursquare
  - Mobile auction
  - Mobile access to corporate intranet เช่น BB
  - Mobile travel information and booking
  - Mobile Marketing and advertising เช่น การโฆษณาผ่าน SMS

Mobile computing infrastructure
  - WAP
  - Markup language เช่น WML,XHTML
  - Mobile development
  - Mobile emulators
  - Microbrowsers เช่น Safari

M-commerce business models
  - Usage fee models
  - Shopping business models
  - Marketing business models
  - Improved efficiency models
  - Advertising business models(Flat fees/traffic-based fees)
  - Revenue sharing business models 

Mobile computing service
  - SMS ส่งข้อความทางมือถือ
  - MMS ส่งรูป เสียง คลิป
  - Voice support services

ตัวอย่างเทคโนโลยีสำหรับมือถือ
  1.QR Code โฆษณาทางมือถือ เช่น ชาโออิชิ
  2.GPS บอกทิศทาง ใช้ในรถยนต์ รถทัวร์
  3.Location based service and commerce สามารถระบุตำแหน่งได้ว่า อยู่ที่ไหน
  4.3G การส่งผ่านข้อมูลในระบบไร้สายด้วยอัตราความเร็วสูงขึ้น โดยมีช่องสัญญาณ ความถี่และความจุในการส่งข้อมูลที่มากกว่าแบบเดิม ทำให้การรับส่งข้อมูลต่างๆ มีประสิทธิภาพขึ้น
  5.WIMAX wireless ขนาดใหญ่ที่ใช้ได้ทั่วประเทศ
  6.RFID ป้าย tag เพื่ออ่านค่าผ่านคลื่นวิทยุ เพื่อตรวจ ติดตามและบันทึกข้อทูลที่ติดอยู่ักับป้าย
 
Presentation
  1.Mobile Robot 
  เครื่องจักรกล/หุ่นยนต์ ที่ทำงานต่างๆ ตามการควบคุมของมนุษย์ การส่ังงานระหว่างหุ่นยนต์และมนุษย์ สามารถทำงานได้ทั้งทางอ้อมและอัตโนมัติ ปัจจุบันเทคโนโลยีของหุ่นยนต์ได้ถูกพัฒนาขึ้นไปอย่างมาก และได้เข้ามามีบทบาทกับมนุษย์มากขึ้น และได้พัฒนาให้มีลักษณะคล้ายมนุษย์มากขึ้น เพื่อให้อาศัยอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้
  2.Virtual world
  โลกเสมือนจริง หรือ การจำลองสภาพแวดล้อมที่ตอบสนองการใช้งานของผู้ใช้จำนวนมาก ผ่านเครือข่ายออนไลน์ โดยมีลักษณะดังนี้
  - Share space ผู้ใช้เข้าไปยังสถานที่ต่างๆ ได้ในเวลาเดียวกัน
  - Graphical user interface ใช้ภาพนำเสนอ มีทั้ง 2 มิติและ 3 มิติ
  - Immediacy มีการตอบสนองทันที
  - Interactivity ผู้ใช้สามารถพัฒนาและเปลี่ยนแปลงได้
  - Persistence ข้อมูลต่างๆ ยังคงอยู่ต่อไปในโลกเสมือนจริง แม้ว่าผู้ใช้จะไม่ได้ log in
  - Socialization/community เกิดการรวมกลุ่ม เป็นสังคมย่อยๆ
  3.E-Book reader 
   อุปกรณ์ที่ใช้อ่านหนังสืออิเลคทรอนิกส์ หรือ E-book เพื่ออ่านได้ง่ายขึ้น สะดวกในการพกพา แทนการอ่านผ่านหนังสือกระดาษรูปแบบเดิม โดยเปลี่ยนแปลงข้อมูลจากหนังสือให้อยู่ในรูปตัวอักษร ภาพนิ่ง เสียง เป็นต้น
 



วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2553

คาบที่ 6 E-business and E-commerce - - 14/12/10

E-Business และ E-commerce
   ปัจจุบัีนคนเริ่มนำเอา internet และระบบสารสนเทศมาใช้ในการทำธุรกิจมากยิ่งขึ้น เช่น ขายของทางอินเตอร์เนต นี่จึงเป็นที่มาของการทำ E-businessและ E-commerce ที่สามารถปรับใช้ระบบสารสนเทศมาช่วยจัดการกระบวนการทางธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
  ตัวอย่างของธุรกิจที่นำ E-business และ E-commerce มาใช้
  E-bay
เว็บไซด์ขายของทุกประเภทบนเครือข่ายอินเตอร์เนต โดยให้คนมาวางสินค้า และเปิดประมูล ยิ่งมีคนให้ราคาุประมูลมาก ราคาก็มีแนวโน้มแพงขึ้นเนื่องจากธรรมชาตินิสัยการเอาชนะของมนุษย์และความไม่เท่าเทียมกันของข้อมูล
  Amazon
เริ่มต้นธุรกิจขายหนังสือออนไลน์ แล้วขยายธุรกิจไปยังสินค้าอื่นๆ เช่น ซีดี ดีวีดี อีบุ๊ค โดยมีพื้นฐานความคิดจาก Longtail ที่เชื่อว่า ลูกค้าจำนวนมากถึง 90% ต้องการของที่แปลกใหม่ ไม่ใช่ิ Mass product ทั้งนี้ร้านจะไม่มีการสต๊อกสินค้าไว้มาก แต่จะเก็บไว้เฉพาะ Best seller เท่านั้น ปัจจุบันมีคู่แข่งมากยิ่งขึ้น
  click and Mortar/Brick and Mortar
เป็นการขายของทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เป็นเวบไซด์ขายเกี่ยวกับธุรกิจท่องเที่ยว ตั๋วเครื่องบิน โรงแรม เป็นต้น

EC Model
  Affiliate Marketing เป็นการเขียน review product หรือการเอาลิ้งค์ต่างๆไปไว้ในบล็อก โดยจะได้ค่าคอมมิชชั่นจากการทีี่มีลูกค้าไปซื้อสินค้า
  Batering เป็นเว็บไซต์ที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นของบุคคลหลายกลุ่มที่มีความสนใจเดียวกัน เช่น http://www.craigslist.com/ เป็นเว็บไซด์ที่แลกเปลี่ยนหรือซื้อของระหว่างกัน
  Online Advertiser Marketers&Student เช่น Facebook
  Application Programming Interface การที่บริษัทผลิต Service เพื่อลิ้งค์โปรแกรมและเปิดให้มีการแชร์ได้ เช่น ไอโฟนมีการลิ้งแอพพลิเคชั่น

Discussion
  1.Benefit of E-commerce
   - To organization ประหยัด Transaction Cost
   - Customers ลูกค้าสะดวกมากขึ้น
   - Society เช่น ลดโลกร้อน
  2.Limitation of E-commerce
   -Technological Limitations มาตรฐานของผู้ใช้งานแต่ละคนไม่เท่ากัน อาจมีปัญหาด้านการเชื่อมต่อ
   - Non Technological Limitations เรื่องของความปลอดภัย

Social Commerce 
 ผู้บริโภคมักหาข้อมูลก่อนตัิดสินใจซื้อสินค้า และจะเชื่อเพื่อนหรืออ่านจาก review มากกว่าแหล่งข่าวอื่น  เช่น facebook ซึ่งในอนาคตอาจพัฒนาให้เป็น Search Engine เพื่อดูรีวิวสินค้าจากเพื่อน
  Wiki
  E-Catalog : Catalog ออนไลน์ ให้คนเลือกดูสินค้า ส่วนมากกลุ่มลูกค้าเป็นผู้่สูงอายุ
  E-Auction : เว็บไซต์ประมูล ขายของตกรุ่นซึ่งมัีกมีราคาถูกกว่าราคาขายปกติ
  E-Classified : เช่นเว็บไซต์ Half.com 
  Batering&Negociation: เว็บแลกเปลี่ยนของระหว่างกัน
  Electronic Storefront : ธุรกิจที่มีหน้าร้านเป็นของตัวเองและมีเว็บไซต์เพิ่ม ซึ่งมีข้อดี คือ ลูกค้าสามารถไปหาที่ร้านได้ มีลูกค้าหลายกลุ่ม แต่ข้อเสียคือ ต้นทุนสูง
  Customer service online : เช่น ทรู เอไอเอส Chat FAQ เป็นคำถามคำตอบที่ถามกันบ่อย
  Electronic Malls: เช่น MSN Choice Mall พยายามให้ผู้บริโภครู้สึกเหมือนไปห้างมากที่สุด
  Online Job Market: เช่น Monster.com
  Travel Services: ข้อมูลเครื่องบิน ที่พัก โรงแรม ออนไลน์
  E-government: เวลาทำบัตรประชาชนหรือบัตรของทางราชการก็จะมีข้อมูลอยู่แล้ว

Payment
EDI เป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างองค์กร

Ethical & Legal issues in E-BiZ
ดูชื่อเว็บไซด์ที่น่าเชื่อถือ

Presentation
 1.Cloud computing
 ระบบประเมินผลแบบกลุ่ม เป็นโมเดลที่ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึง Network Access ได้ สามารถขยายหรือปรับเปลี่ยนได้ตาม Service Provider มีลักษณะที่สำคัญ 5 ประการ
                 1.On demand
                 2.Board Network Access
                 3.Resource Pooling
                 4.Rapid Elasticity
                 5.Measured Service
  ตัวอย่าง เช่น Google Doc หรือ Developer ที่ต้องการพัฒนา Application มีทั้ง Private ,Public, Hybrid และ Commidity Cloud ข้อดีคือ Cost Saving ,Scalability, Access to Top-End,Focusing on Core Competencies,Efficient Asset Utilization   
Concern
                 1. เรื่องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย อาจถูกขโมยหรือถูกส่งข้อมูลและแอพพลิเคชั่นไปยังบุคคลอื่นไ้ด้
                 2. Non-standard
                 3. Reliability
                 4. Potability กระบวนการประเมินผลตั้งแต่ต้นและสิ้นสุดการทำงาน

2.Health Informatics 
  ข้อมูลสุขภาพมาผนวกกับระบบสารสนเทศ มี 5  ประเภท
                 1.ประชากร เศรษฐกิจและสังคม : รายละเอียดของบุคคล อายุเพศ อัตราการเติบโต GDP จำนวนโรงเรียน ความสะอาดบริเวณบ้าน
                 2.สุขภาพ: ส่วนบุคคลตั้งแต่เกิดจนตาย
                 3.ทรัพยากรสาธารณสุข : งบประมาณในการทำงาน เครื่องมือทางการแพทย์
                 4.กิจกรรมสาธารณสุข
                 5.การบริหารจัดการ : การประเมินผลงานต่างๆ
 
3.Web2.0
 Web 2.0 ต่างจากWeb 1.0  คือ Web 2.0 สามารถโต้ตอบแสดงความเห็นระหว่างกันได้ จัดข้อมูลเป็นระเบียบมาก แทคคอนเท้นได้ เช่น Ofoto เว็บวาดรูปออนไลน์ แต่1.0 เป็นการสื่อสารทางเดียวและไม่สามารถจัดเก็บข้อมูลได้ดีเท่า
  ตัวอย่าง เช่น wikipedia, blogs, fickr, opensource เป็นต้น ลักษณะที่สำคัญมี 7 ประการ
                 1.สามารถใช้งานกับเว็บบราวเซอร์ได้
                 2.สามารถสร้างข้อมูลได้
                 3.มีRIA Desktop application
                 4.เป็นระบบตอบกลับระหว่างผู้ใช้บริการ
                 5.รวดเร็วในการส่งข้อมูล
                 6.เป็นการใช้ function จากหลายเว็บเข้าด้วยกัน
  เทคโนโลยีที่ใช้จะช่วยทำให้เว็บทำงานได้ประสิทธิภาพขึ้น เช่น AJAX ทำให้เว็บทำงานเร็วขึ้น 
Saas เป็นซอฟแวร์บนเว็บที่ให้บริการโดยไม่ต้องซื้อ RSF เป็นการอัพเดทข้อมูลใหม่ ในอนาคต จะพัฒนาเป็น Web3.0 ที่มีความเป็น Virtual มากขึ้น และมีการเก็บข้อมูลที่ดีขึ้นด้วย 

วันอังคารที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2553

คาบห้า 7/12/10

Information Technology Economics

Case: Justifying investment in IT and EC(E-commerce) at California state automobile association
          การลงทุนทางด้านไอที ควรเ่ริ่มจากปัญหาจากการทำงาน(Problem) หาทางเลือกในการแก้ปัญหา (Solutions) และจึงดำเนินการนำไปใช้รวมถึงประเมินผล(Results)

17.1 Technology and economic trends and the productivity paradox
เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ จากตัวอย่างของของ computer chip ที่ทุกๆ18-24 ดือนที่ต้องปรับสินค้าใหม่

Productivity Paradox
          ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นจากการลงทุนทางด้านไอที
o    Productivity gains are not shown in data or analysis
o    Productivity gains are offset by losses from the same IT in other areas
o    Productivity gains are offset by high costs
o    Time lag may distort the picture
o    Actual use of IT system is different from what was envisioned
Performance 
          Productivity Paradox
                 -  Direct impact
                 -  Second-order impact

17.2 Evaluating IT Investments: Need, Benefits, Issues, and Traditional Methods
ก่อนลงทุนด้านไอที ควรพิจารณาผลตอบแทนทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยอาศัยปัจจัยต่างๆเหล่านี้ประกอบการตัดสินใจลงทุน
o    Strategic Considerations
o    Tactical Considerations
o    Operational Considerations
o    Intangibles
o    Tangibles
o    Cost and Benefit
     
Cost-Benefit Evaluation Techniques มีดังนี้
o    Net Profit
o    Payback period
o    Return on investment (ROI)
o    Net present value (NPV)
o    Interest rate of return (IRR)
   
17.3 Advanced Methods for Justifying IT investment and Using IT Metrics
เครื่องมือประเมินการลงทุนทางด้านไอที เช่น
o    Business case
o    Total cost(and benefits) of ownership คำนวนจากต้นทุนของทั้ง Life time
o    Balanced scorecard method พิจารณาทั้ง 4 มุมมอง
o    Benchmark

17.4 Examples of IT Project Justification
o    E-Procurement Metrics เป็นการประหยัดต้นทุนต่ำลง
o    CRM
o    E-training

17.5 Economic Aspects of IT and Web-Based Systems
o    E-commerce เป็นการเพิ่มโอกาสทางการตลาด แต่เนื่องจากเข้าง่าย จึงมีคู่แข่งเยอะ

17.6 Managerial Issues
o    Constant growth & Change
o    Shift from tangible to intangible benefits
o    Not a sure thing
o    Chargeback
o    Risk
o    How to measure the value of IT investment?
o    Who should conduct a justification?  

วันพุธที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2553

คาบสี่ : Outsourcing,offshoring and IT as a subsidiary

      IT Outsourcing คือ การ Outsource ให้บุคคลภายนอกมาดูแลระบบ IT ให้แก่องค์กร

จุดประสงค์ในการทำ outsourcing
1.เพื่อลดต้นทุนจากการทำเอง ทั้งนี้่จะได้นำทรัพยากรไปเน้นที่ core business
2.เพิ่มความสามารถในการเข้าสู่ตลาด
3.พัฒนาระบบได้ดีกว่า เนื่องจากหากว่าจ้างบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านนั้นๆจะทำให้ประสิทธิภาพงานได้ีดีกว่า
4.สร้าง innovation ใหม่ๆในองค์กร 

ความเสี่ยงจากการทำ outsourcing
1.Shrinking ผู้ว่าจ้างทำงานได้ไม่ตรงตามข้อกำหนด แต่บริษัทยังคงต้องจ่ายเงินเต็มจำนวน
2.Poaching ผู้ีัรับงานนำระบบไปใช้ร่วมกับลูกค้ารายอื่น
3.Opportunity repricing สัญญาในลักษณะ long term แต่ผู้รับงานขอต่อรอง โดยเรียกค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม  ยืดอายุสัญญา

Hidden cost จากการทำ Outsource
1.Benchmark and analysis
2.Investigating and contracting with a vendor
3.Transmitting work and knowledge to outsourcer
4.Ongoing staffing and management of outsourcing relationship
5.Transitioning back to in-house 

กลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงในการทำ outsoucing
1.Understand project รู้และเข้าใจในความต้องการของบริษัท 
2.Divide and conquer แบ่งงานใหญ่ๆเป็นส่วนเล็กๆ แล้วค่อยทำที่ละงาน
3.Align incentive ให้รางวัลเพื่อจูงใจ เพื่อให้ vendor ทำงานได้ดีขึ้น
4.Write short-period contracts ป้องกันการต่อรองในกรณีสัญญาแบบ long term และสามารถประเมิน vendor รายใหม่ได้
5.Control subcontracting ควบคุมความถูกต้องของการทำงานในบริษัทคู่สัญญา เพื่อป้องกันความเสียหาย
6.Do selective outsourcing เลือกกระบวนการที่จะืทำ outsource ทั้งนี้ต้องไม่ใช่ส่วน core business

ปัจจัยที่ต้องคำนึงถึง เมื่อทำ offshore outsourcing 
1.ประเทศที่ต้องการให้ทำ outsource มีความสามารถทางเทคโนโลยีทีเพียงพอต่อองค์กรหรือไม่
2.นโยบายทางการเมืิองและลักษณะทางธุรกิจของประเทศที่จะเลือกมาทำ outsource

ลักษณะงานที่ไม่ควรทำ offshore outsourcing
1.งานนั้นยังไม่มีกระบวนการแน่ขัด
2.งานนั้นต้องเป็น core business
3.งานนั้นเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา หรือ สิ่งที่เป็นความลับ ข้อมูลสำคัญกับบริษัท

Acquisition Process of IT Application
1. Planning Identifying and justifying IT based systems การวางแผนที่ต้องอาศัยความเข้าใจในระบบก่อน เพื่อนำไปพิจารณาว่ามีส่วนใดที่ต้องปรับปรุงบ้าง รวมทั้งประมาณการค่าใช้จ่าย ตารางงานและประเมินความเสี่ยงและผลกระทบที่อาจะเกิดขึ้นจากการทำ IT 
2. Creating an IT architecture - plan for organizing underlying infrastructure and application of IT project
3. Selecting an acquisition option
   3.1 Build in house เหมาะกับบริษัทที่ต้องการใช้ระบบแบบ Customize หรือเป็นระบบที่ค่อนข้างหายากในตลาด 
   3.2 Vendors build custom made system การ  Outsource ให้ vendor สร้างระบบ IT เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะบริษัทเราเท่านั้น    
   3.3 Buy existing application and install with/without modifications เหมาัะกับการลงทุนในระบบ IT แบบระยะยาว โดยต้องการใช้ระบบนี้อย่างถาวร ทั้งนี้บริษัทมีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน IT อยู่แล้วและต้องการซื้อ application มาเพื่อปรับแต่งให้เหมาะกับบริษัท
   3.4 Lease เหมาะกับบริษัทที่มีเทคโนโลยีซึ่งมีความเปลียนแปลงตลอดเวลา บริษัทจึงทำการเช่าระบบมากกว่า เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเงินเต็มจำนวนและลดความเสี่ยงหากเทคโนโลยีล้าสมัยในอนาคต
   3.5 Enter partnership or alliance 
   3.6 Use combination   
4. Testing ,installing, integrating and deploying IT applications ทดสอบการติดตั้ง การเชื่อมโยงและการโอนถ่ายข้อมูลกับระบบเดิม                                            
5. Operations, maintenance and updating ปรับปรุงระบบให้สอดคล้องและทันเหตุการณ์ในปัจจุบันเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี 






วันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

Case: Dollar General

1. Explain why the old, nonintegrated functional system created problems for the company. Be specific.
    จากการที่ Dollar General ขยายธุรกิจอย่างรวดเร็วประกอบกับระบบ IT ยังไม่สามารถรองรับการเติบโตดังกล่าวได้ ทำให้เกิดปัญหาดังนี้
1.เนื่องจากจำนวนพนักงานมีเพิ่มมากขึ้น ทำให้ระบบการบริหารจัดการพนักงานมีความซับซ้อนขึ้น เป็นไปได้ยากมากขึ้น
2. เนื่องจากระบบภาษีมีความแตกต่างกันในแต่ละสาขา ทำให้บริษัทต้องปรับระบบการจัดการภาษีใหม่ให้เหมาะกับแต่ละสาขา
3. มีความเสี่ยงที่จะเกิดความผิดพลาดได้ง่าย เนื่องจากขาดการเชื่อมโยงการทำงานภายในบริษัท ในเรื่องของการรับคำสั่งซื้อในแบบระบบมือ ซึ่งหากขยายบริษัทแล้ว คำสั่งซื้อจะมีเพิ่มขึ้น ระบบเดิมอาจทำให้เสียเวลาและเกิดความผิดพลาดได้

2. The new system cost several million dollars. Why, in your opinion, was it necessary to install it?
       บริษัทควรนำระบบใหม่มาช่วยในการดำเนินธุรกิจมากกว่าระบบเก่า เนื่องจากระบบใหม่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลของแต่ละแผนกได้ ซึ่งพนักงานในแต่ละแผนกสามารถเข้าใช้งานและปรับเปลี่ยนข้อมูลได้ ทำให้เกิดความสะดวก แม่นยำและรวดเร็วมากขึ้น แม้ว่าจะต้องใช้เงินลงทุนที่สูงก็ตาม แต่การลงทุนทางด้านระบบสารสนเทศจะเป็นประโยชน์ในระยะยาวต่อธุรกิจ ทั้งนี้จะช่วยในการออกแบบกลยุทธ์และแนวทางการบริหารของธุรกิจได้ดี 
  
    3. Lawson Software Smart Notification Software (lawason.com) is being considered by Dollar General. Find information about the software and write an opinion for adoption or rejection
           Lawson Smart Notification เป็นระบบซอฟแวร์ที่ช่วยประมวลและวิเคราะห์ข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่เข้าใจได้ง่าย ประมวลผลได้รวดเร็วถูกต้อง มีการคัดกรองข้อมูลก่อนนำไปใช้ ซึ่งจะช่วยลดขั้นตอนการทำงานของพนักงานและเพิ่มประสิทธิผลในการทำงานแก่พนักงานมากขึ้น จากข้อดีของระบบดังกล่าว Dollar General จึงควรนำโปรแกรมนี้มาใช้ เนื่องจากข้อมูลมีอยู่มาก จึงต้องการความรวดเร็วและถูกต้องในการประมวลผล นอกจากนี้จะช่วยให้พนักงานนำไปใช้ได้อีกด้วย   
 
4.Another new product of Lawson is Services Automation would you recommend it to Dollar General? Why or why not?
    Services Automation เป็น Software ที่ข่วยบริหารจัดการตั้งแต่เรื่องการบริหารโอกาสในการลงทุน (Opportunity Management) คำนวณยอดขาย การบริหารโครงการ (Project Management) และการบริหารทรัพยากร ประมาณค่าใช้จ่าย (Resource Management) ซึ่งระบบนี้จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจที่จะช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นและควรนำมาปรับใช้กับ Dollar General เพื่อช่วยจัดการข้อมูล และช่วยในการตัดสินใจเพื่อวิเคราะห์การลงทุนในอนาคตได้

วันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

คาบสาม Transaction Processing System - - 22/11/10

Transaction Processing System (TPS)
เริ่มต้นพัฒนามาจากช่วงสงครามโลก 1950 ที่นำระบบสารสนเทศมาใช้เก็บข้อมูลและบันทึกรายการต่างๆ โดยเก็บข้อมูลที่เกิดขึ้นจริงและเก็บอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นลักษณะงานที่ซ้ำๆกัน เช่น การเพิ่มและลดของสินค้าคงคลัง การวางบิล การคำนวณรายได้ เงินเดือน ดังนั้น ระบบนี้ จึงช่วยลดความผิดพลาดและลดขั้นตอนการทำงานด้วยมือ และมีความสำคัญมาก
ทั้งนี้ระบบจะต้องมีคุณสมบัติสำคัญ ดังนี้
1.Reliability ข้อมูลต้องน่าเชื่อถือ เพราะจะต้องนำไปใช้ในระบบอื่นๆ
2.Standardization ข้อมูลต้องมีมาตรฐาน เป็นแบบแผนเดียวกัน
                3.Controlled Access ผู้ใช้งานต้องมีรหัสผ่านเท่านั้น ถึงจัใช้ระบบได้ ซึ่งจะทำให้ข้อมูลมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น 
              วงจรการทำงาน  แบ่งเป็น 5 ส่วน ได้แก่
               1.Data entry การบันทึกข้อมูล
               2.Transaction processing มี 2 ลักษณะ ดังนี้
                • Real time ข้อมูลจะถูกประมวลผลทันที ซึ่งข้อดี คือ ได้ข้อมูลที่อัพเดท แต่มีข้อเสีย คือ ต้องใช้เนื้อที่ประมวลผลสูง เหมาะกับธุรกิจประเภทค้าขายของออนไลน์ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการใช้บัตรเครดิต
                • Batch  ข้อมูลจะถูกรวบรวมไว้ก่อนและจึงนำมาประมวลผลเมื่อต้องการใช้งาน
               3.Database updating เป็น software ที่ใช้บันทึกข้อมูล ทั้งนี้ข้อมูลต้องเป็นปัจจุบันและมีความถูกต้องถูกต้อง เช่น ระบบจองตั๋วเครื่องบินแอร์ไลน์ 
                       4.Document and Report Generation การออกรายงานสรุปการทำงาน เพื่อให้แต่ละส่วนต่างๆขององค์กร นำข้อมูลใช้เปรียบเทียบกันได้ 
                       5.Inquiry Processing กระบวนการที่สามารถให้ทุกคนเข้าไปสอบถามข้อมูลได้ เช่น ลูกค้าต้องการทราบว่า สินค้าจะส่งเมื่อไหร่ ที่ไหน นอกจากนี้พนักงานก็สามารถเช็คสต็อกสินค้าได้
            วัตถุประสงค์ของระบบ TPS
                เป็นการบันทึกข้อมูลที่เกิดขึ้นจริงในแต่ละวัน เพื่อทราบการเปลี่ยนแปลงต่างๆในองค์กร ทั้งนี้จะเป็นประโยชน์ในการนำผลิตและเตรียมข้อมูลสารสนเทศไปยังระบบประเภท โดยระบบนี้สามารถนำไปใช้กับพนักงานได้ทุกระดับตั้งแต่ระดับปฏิบัติการ ระดับล่างจนถึงระดับ ผู้จัดการ
              การประยุกต์นำTPS ไปใช้ในแต่ละหน่วยงานต่างๆในองค์กร 
                  1.ระบบสารสนเทศทางการบัญชี (Accounting Information System) เป็นระบบที่ช่วยให้การทำบัญชีในองค์กรสะดวกขึ้น เช่น จัดรวบรวมบัญชีรายรับ/จ่าย บัญชีเงินเดือน เป็นต้น โดยจะทำการประมวลผลเพื่อนำไปแก้ปัญหาทางการบัญชีได้ เช่น ระบบ Accounting system, Payroll system, Budgeting system, Accounts Receivable system
                   2. ระบบสารสนเทศทางการตลาด (Marketing Information System) เป็นระบบที่ช่วยจัดการข้อมูลทางการตลาดที่เป็นประโยชน์ในการวางแผนและปรับกลยุทธ์ทางการตลาด ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์แบบ Mass customization ตัวอย่างบริษัท Dell ที่ทำการผลิตสินค้าตามออร์เดอร์และสเป็คของลูกค้าแต่ละราย แต่ทั้งนี้ก็ยังต้องใช้ฐานข้อมูลทางการตลาดที่จะออกแบบสินค้าใหม่ให้ตรงกับความต้องการของตลาดส่วนใหญ่ด้วย  
                   3.ระบบสารสนเทศด้านทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Information System) เป็นระบบที่ช่วยสนับสนุนด้านทรัพยากรบุคคล ตั้งแต่การจัดหาคน เช่น ใช้ระบบคัดข้อมูล จาก resume แทนแรงงานคน ซึ่งสามารถประหยัดเวลาและความผิดพลาดได้ นอกจากนี้ยังนำไปใช้ในระบบการพัฒนาและฝึกอบรม  การจ่ายอัตราเงินเดือน เป็นต้น  
                  Web Analytic tool 
                   เป็นเครื่องมือที่สามารถนำวิเคราะห์เพื่อหาพฤติกรรมของผู้ใช้ได้ เช่น Google Analytic ที่จะบอกได้ว่าลูกค้าใช้บริการเว็บใดมากสุด ลูกค้าเข้าไปดูและซื้อสินค้าใดบ้าง เป็นต้น จะทำให้สามารถออกแบบกลยุทธ์ทางการตลาดได้ 
                 In house Logistic and material management 
                 E-Procurement เป็นระบบที่ช่วยบริหารด้านการจัดซื้อ ทำให้สะดวกในการติดต่องานร่วมกับบริษัทคู่ค้า
                           
                                  Presentation 
                       1.Radio Frequency Identification : RFID
                ระบบที่ใช้คลื่นความถี่วิทยุในการระบุเอกลักษณ์ของวัตถุหรือตัวบุคคล ประกอบไปด้วย 2 ส่วน คือ Tag ที่ทำหน้าที่ส่งสัญญาณ กับ Reader ที่เป็นตัวรับช้อมูลจาก tag ซึ่งเป็นที่นิยมในการดำเนินธุรกิจ เช่น Wall mart ใช้ในการสั่งซื้อสินค้าอัตโนมัติ สามารถลด Inventory cost ได้ หรือสามารถนำไปใช้ในการช่วยชำระเงินโดยไม่ต้องใช้ barcode
                                2.Speed recognition
                ระบบที่ช่วยแปลงเสียงพูดเป็นข้อความตัวอักษร โดยอาศัยโทรศัพท์ ไมโครโฟนหรืออุปกรณ์อื่นๆ ซึ่งมักใช้ในธุรกิจด้าน health care การท่องเที่ยว เช่น จองตั๋วเครื่องบิน เป็นต้นช่วยในการบันทึกข้อมูลต่างๆได้อย่างรวดเร็ว ช่วยประหยัดเวลา และอำนวยความสะดวกกับผู้ที่ใช้งานมากขึ้น ซึ่งเป็นระบบที่นิยมมากในต่างประเทศ แต่ยังไม่แพร่หลายในไทย เนื่องจากยังมีข้อจำกัดในการใช้อยู่
                                3.Virtualization
                ระบบที่ช่วยทำให้ระบบปฏิบัติการหลายๆ ระบบทำงานร่วมกันบนระบบเครือแม่ข่ายอันเดียวกันได้ ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซื้อเครื่องแม่ข่ายและเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานได้มาก
            4.Forensic accounting
                การใช้ระบบและทักษะทางการเงินและการบัญชี มาปรับใช้ในการสืบสวนและสอบสวนข้อมูลเพื่อหาหลักฐานข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการทุจริตข้อมูลทางการเงินต่างๆเช่น การปรับเปลี่ยนตัวเลขจำนวนเงิน การสร้างความเสียในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เป็นต้น 
 

วันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

Case : Fedex


1.Identify the network cited in this case
   1.internet เครือข่ายทางอินเตอร์เนต ซึ่งเป็นตัวช่วยพื้นฐานของ Fedex ใช้เชื่อมโยงกระบวนการจัดการต่างๆ เข้าด้วยกัน ทำให้การจัดการของบริษัทสะดวก มีประสิทธิภาพมากขึ้น
   2.Virtual private network(VPN) ระบบเครือข่ายภายในองค์กรที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงระบบข้อมูล ในบริษัทได้ แม้ว่าจะะไม่ได้อยู่ในเครือข่าย ทั้งนี้ต้องมีรหัส ซึ่งเป็นผลดีสำหรับพนักงานในแต่ละสาขาและแต่ละแผนกของ Fedex นำข้อมูลที่มีพื้นฐานเดียวกันไปใช้
   3.leased-line เครือข่ายส่วนบุคคลที่ใช้ในการสื่อสารและเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกัน ซึ่งเป็นระบบการส่งต่อทั้งจากสถานที่หนึ่งไปยังอีกสถานที่หนื่ง หรือมากกว่า 2 สถานที่ขึ้นไป ซึ่งสามารุรับส่งภาพ ข้อมูล เสียงได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
   4.VAN(value-added network) เครื่อข่ายกึ่งส่วนบุคคล ที่ให้บริการมากกว่าการสื่อสารปกติ โดยผู้ใช้สามารถใช้บริการได้ปลอดภัยมากกว่า 


2.How does IT improve the performance of Fedex?
   1. ลดความเสี่ยงจากข้อมูลที่ผิดพลาดและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เนื่องจากข้อมูลที่ได้มาจากลูกค้าเลือกเองทั้งหมดและลูกค้าสามารถเช็คข้อมูล การขนส่งจากบริษํทได้ รวมทั้งมีระบบข้อมูลที่พนักงานแต่ละสาขา/แผนก เข้าถึงข้อมูลที่มีมาตรฐานเดียวกัน จึงเป็นการลดความเสี่ยงในการจัดส่งสินค้าผิดคน หรือผิดสเป็คได้ ทำให้การขนส่งของ Fedex ไม่เกิด wasted เป็นการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กร
   2. สร้างความแตกต่างจากคู่แข่งและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน เนื่องจาก Fedex มอบบริการที่เพิ่มคูณค่าในสายตาของ shareholder ทั้ง supplier และ end-users ให้เข้ามาใช้บริการมากขึ้น เช่น จากระบบการจัดการสินค้าคงคลัง ทำให้สินค้าจาก supplier ส่งถึงมือลูกค้าในเวลาที่ต้องการ สินค้าไม่ขาดตลาด เป็นต้น เป็นการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีแก่ทั้ง supplier และ end users ได้ในระยะยาว 


 3.In what ways are personalization and customization provided?
   จากการที่ Fedex นำระบบของ IT รวมเข้าไว้ใน website ที่มี FedEx PowerShip MC, FedEx Ship Manager Server, FedEx ShipAPI™ เป็นต้นมา ใช้เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้าแต่ละราย ทำให้ลูกค้ามีทางเลือกและสามารถออกแบบเลือกใช้บริการได้ตลอดทั้งกระบวนการ ตั้งแต่ การสั่งซื้อสินค้า การชำระเงิน การรับส่งสินค้า การเช็คสถานะการขนส่งสินค้าของตนได้ในเวลาที่ต้องการ 


4.What are the benefits to the customers?  
1.เพิ่ม ทางเลือกในการขนส่งและอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้ามากขึ้น เนื่องจากระบบ ITของ Fedex ที่เชื่อมโยงในทุกจุดทั่วโลก ซึ่งไม่ว่าลูกค้าจะอยู่ที่ไหน ก็จะได้รับสินค้าได้ทุกที่ จึงประหยัดเวลาและอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าได้เป็นอย่างดี 
2.สามารถสื่อสารกับบริษัทได้โดยตรง ลูกค้าได้รับการแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที แค่เพียงการติดต่อกันผ่านทางเว็บไซด์เท่านั้น

วันพุธที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

คาบสองแล้วค่ะ 16-11-10

วันนี้ อาจารย์พูดเนื้อหาเยอะมาก แต่หนูก็จะพยายามสรุปนะคะ
ระบบสารสนเทศ (Information system) คือ การนำเอาข้อมูลดิบ(data)ที่มาจากทั้งในและนอกองค์กรมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ซึ่งระบบเทคโนโลยี(IT) จะช่วยในการคัดแยกและประมวลผลข้อมูลให้สสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ (information knowledge)
ตัวอย่างบริษัทที่นำระบบสารสนเทศมาใช้ เช่น Mary Kay บริษัทขายเครื่องสำอาง ซึ่งให้พนักงานขายสามารถเช็ค สต๊อกสินค้าผ่านมือถือได้ และมีการนำ Social network มาสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า
จะสังเกตได้ว่า สิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญในการนำระบบข้อมูลสารสนเทศไปใช้ คือ การประสานงานกันของแต่ละแผนกในองค์กร เพื่อแชร์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ระหว่างกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว แต่ละฝ่ายจะทำงานแยกกัน เพราะไม่ต้องการเผยแพร่ กลัวข้อมูลรั่วไหล ทำให้ข้อมูลไม่สามารถนำไปใช้ได้เกิดประโยชน์เต็มที่
ข้อมูลภายในที่ได้มานั้น ก็มีหลากหลายระดับ ( Level of Information System)ซึ่งได้แก่
- Personal  Productivity System ระบบที่ช่วยเหลือให้คนทำงานได้ง่าย เช่น ใช้มือถือรับส่งข้อมูล
- Transaction Processing System (TPS) เพื่อบันทึก Transaction ทีเกิดขึ้นทั้งหมด เป็นระบบที่ทุกบริษัทต้องมีและสำคัญที่สุด เพราะหากข้อมูลผิดพลาด จะทำให้การนำไปใช้ในแผนอื่นๆ ผิดพลาดตามไปด้วย
- Function & Management Information System   ใช้ในการทำงานในแต่ละหน่วยงาน เฉพาะในบริษัท โดยไม่เชื่อมกับหน่วยงานอื่นนอกบริษัท  เนื่องจากข้อมูลเป็นความลับ
- Enterprise Systems Integrates (ERP) เป็นระบบที่เชื่อมโยงทั้งในและนอกองค์กรระหว่างกัน
- Inter organizational Systems ระบบที่สามารถเชื่อมการโยงไปยังต่างประเทศได้ เป็นสากล
- Global Systems ระบบขนาดใหญ่ที่ใช้ติดต่อกันทั่วโลก
- Very Large & special Systems
ในส่วนของระบบจัดการข้อมูลที่สามารถนำมาใช้ได้ ( Management Information Systems) มีดังนี้
-Decision Support Systems (DSS) ระบบการนำข้อมูลจากข้างนอก มาใช้ในการตัดสินใจของผู้บริหารระดับกลาง
- Group Decision Support Systems ระบบการทำงานเป็นกลุ่ม เพื่อตัดสินใจร่วมกัน                 
- Executive support system (ESS) ระบบที่ใช้ข้อมูล tracsaction จากระดับล่างและข้อมูลจากภายนอก มาเปรียบเทียบเพื่อง่ายต่อการตัดสินใจของผู้บริหารระดับสูง






วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

คาบแรก - - 9/11/10

      นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่หนูได้เริ่มเขียนบล๊อก ขอขอบคุณอาจารย์ปีเตอร์ รักธรรมนะคะที่ได้สอนให้หนูได้เริ่มเรียนรู้โลกของเทคโนโลยี ที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตไปเรียบร้อยแล้ว (เพราะเราคงต้องเขียนบล๊ิอกส่งการบ้าน อ.ไปอีกนาน เลิศจริงๆ :D ) สมกับบทเรียนวันนี้ที่อ.สอนจริงๆๆ
      หากสังเกตตัวเองดีๆแล้ว ทุกวันนี้ มนุษย์เราได้เริ่มเปลี่ยนการสื่อสารจากการพูด มาเป็นการพิมพ์แทน จากเคยขอ MSN ไว้คุยกัน จนตอนนี้มาขอ facebook twitter แทนกันแล้ว นี่ยังไม่รวมการเปลี่ยนแปลงจากการอ่านหนังสือทางหนังสือพิมพ์ หรือนิตยสารในห้องน้ำ (ตัวอย่างของ อ.ที่ผู้ชายมักเป็น :P) มาเป็นการอ่านผ่าน Ipad หรือเครื่องเ่ล่น Tablet ต่างๆอีก (สุนทรียะในการเข้าห้องน้ำจะต่างกันไหมคะ น่าคิด !!)
      นอกจากมนุษย์คนเดินดินอย่างเราแล้ว เหล่าบริษัทก็ต่างกันมาดอมดม ใช้เครื่องมือทางเทคโนโลยีกันอย่างคับคั่ง หรือที่เรียกกันว่ายุค Digital economy เพราะธุรกิจต่างประยุกต์ใช้เทคโนโลยี(IT)เพื่อช่วยให้ง่ายต่อการจัดระบบข้อมูล เพื่มความคล่องตัวต่างๆ อย่างเช่น ระบบข้อมูลคนไข้ของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เป็นตัน นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีระบบสารสนเทศ (IS) โดยอาศัยข้อมูล มาเพื่อวิเคราะห์และวางกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ อย่างไรก็ตาม ทั้ง IS และ IT ต่างก็เป็นเครื่องมือที่คอยสนับสนุนทุกฝ่ายในองค์กร ทั้งนี้ก็เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในธุรกิจ 
      ตัวอย่างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เช่น E-bay ขายของผ่านอินเตอร์เน็ต ใช้ง่าย เห็นผล อ.บอกว่า เพื่อนของอ.ทำเป็นอาชีพเสริมเลย โดยการไปหาของแถวคลองถม ถ่ายรูป แล้วก็ขาย โอ๊ย ขายดี ฝรั่งชอบ หนูเลยอยากทำบ้างเลยค่ะ -*-
      หรือจะเป็นธุรกิจดาว์นโหลดเพลง จากค่ายเพลงตามช่องละครหลังข่าว Application หรือที่เค้าเรียกว่า ลูกเล่นต่างๆ เช่น Itune จากค่าย APPLE ที่เอาไว้โหลดเพลงอีกเหมือนกัน (สงสัย อ.จะชอบฟังเพลงนะคะ มีแต่ตัวอย่างเพลง เอ๊ะ หรือหนูจำได้แค่ เพลง :D)
      อ่านมาเยอะ ฟังแล้วดูเหมือนจะดี แต่สำหรับธุรกิจเอง จะวัดมูลค่าที่เราได้รับกลับมาจากการลงทุนทางด้านเทคโนโลยีนี้ได้อย่างไรหรือที่ศัพท์เด็กไฟแนนซ์เค้าคุยกันว่า ROI คุณจะเท่าไหร่จ๊ะ (อ.ไม่ได้บอกคำตอบ บอกแค่ว่ามันเป็นปัญหา T^T ขอหนูลองคิดเล่นๆ แล้วกันนะคะ)
     หนูคิดว่า การลงทุนด้านเทคโนโลยี เปรียบเสมือนการลงทุนด้านความคิด อาจจะคล้ายกับ R&D มันอาจจะมีการลองผิดลองถูก ซึ่งคงไม่ได้วัดด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดเหมือนกับการลงทุนงบโฆษณาที่มีตัวเลขเลยทีเดียว พอจะเป็นไปได้หรือไม่คะว่า หากเราจะวัดประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานก่อน/หลังใช้ระบบเทคโนโลยี วัด waste time ที่พนักงานสูญเสียไป หากเราไม่ีมีระบบนี้มาใช้ วัดความสามารถในการออกแบบ New Product เมื่อเทียบกับจำนวนชั่วโมงอินเตอร์เนตที่พนักงานใช้ (อื้อ !!! น่าคิด แต่อันหลังหนูว่า พนักงานอาจจะเอาเวลาไปเล่น FB ก็ได้นะคะ แล้วเอามาเป็นไอเดียในการออกแบบผลิตสินค้าก็เป็นได้นะคะ :D)
      อย่างไรก็แล้วแต่นะคะ ทุกวันนี้โลกก็หมุนเวียนเปลี่ยนไป ธุรกิจบางรายนำเทคโนโลยีมาใช้ที่ไม่ประสบความสำเร็จก็มี ซึ่งก็อาจจะมาจากหลากหลายปัญหา แต่อย่างไรเสีย สิ่งที่ทำให้ธุรกิจอยู่ได้อย่างยั่งยืน ไม่เพียงแต่ผลกำไรเท่านั้น แต่ธุรกิจควรมองถึงการตอบแทนแก่สังคมด้วย คงจะดีนะคะ ถ้าหากธุรกิจสามารถนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อประโยชน์ต่อสังคมและส่วนรวมมากขึ้น
     จากที่หนูเขียนมา มันอาจจะเป็นเพียงส่วนย่อยๆ ของความรู้ในวันนี้ ถามถึงเนื้อหาสาระ....หนูคงมีอยู่น้อยนิด จนไม่สามารถเขียนอธิบายพรรณาได้หมดค่ะ แต่หนูก็ได้กลายเป็น blogger ป้ายแดงกับเค้าแล้ว จริงๆ เป็นความฝันเบาๆๆ ของหนูนะคะ กลายเป็นจริงแล้ว สุดยอดค่ะ อ.ปีเตอร์ ขอกด like เลย
     ไว้เจอกันใหม่ การบ้านหน้าของอ.นะคะ สวัสดีค่ะ :D

  

วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553